
วัดมัชฌันติการาม
ปูชนียสถานและถาวรวัตถุที่สำคัญ

พระอุโบสถ
เป็นพระอุโบสถเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างวัด มาแล้วเสร็จและผูก พัทธสีมาให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยในปี พ.ศ. 2418 รูปแบบพระอุโบสถเดิมไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ เป็นทรงปั้นหยา แต่เนื่องจากได้รับการบูรณะหลายครั้ง จึงมีรูปแบบอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยมีความยาว 22.50 เมตร กว้าง 9.80 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตกอันมีคลองบางเขนใหม่เป็นทิศเบื้องหน้า หลังคามุงกระเบื้องโบราณ มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันถือปูน มีตรีมูรติอยู่บนพานอันเป็นสั ญลักษณ์ของราชวงศ์จักรี ภายใต้มงกุฎคราบ มีฉัตร 5 ชั้น ประดับทั้ง 2 ข้าง มีรัศมีเปลงประกายโดยรอบ ซึ่งใช้เป็นตราของวัดในปัจจุบัน

ศาลาการเปรียญ
เป็นศาลา 2 ชั้น ผูกเหล็กหล่อปูนใช้เป็นที่ทำบุญในวันพระและวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งแต่เดิมเป็นศาลาการเปรียญไม้ 2 ชั้น โดยข้างบนใช้ประกอบพิธีส่วนชั้นล่างปล่อยโล่ง ได้รับการรื้อและสร้างใหม่ในสมัย พระครูวิจิตรธรรมสาร (ไขย จนฺทสาโร) เจ้าอาวาสรูปที่ 7 ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเป็นรูปลายไทย มีรูปปั้นเป็นกงล้อ ทำการปฏิสังขรณ์โดยบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553 ได้ทำการบูรณะศาลาการเปรียญให้สูงขึ้น แล้วทำการเทพื้นล่างใหม่ พร้อมทั้งประดับตกแต่งติดไฟ พัดลม ให้ดูสวยงาม สืบเนื่องมาจากอุบาสกอุบาสิกาส่วนใหญ่เป็นผู้มีอายุมาก เดินขึ้นลงบันไดลำบาก พิธีกรรมทางพุทธศาสนา ทำบุญในวันพระที่ชั้นล่างของศาลาการเปรียญจวบจนถึงในปัจจุบัน

วิหารหลวงปู่อ่อน
เป็นวิหารที่ประดิษฐานรูปเหมือนปูนปั้นของพระครูธรรมสารวิจิตร (อ่อน ญาณเตโช) โดยคณะศิษย์สร้างถวายในปี พ.ศ. 2515 เป็นวิหารก่อ อิฐถือปูน ตั้งอยู่ทางซ้ายของพระอุโบสถ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของ พระครูวิจิตรธรรมสาร (ไขย จนฺทสาโร) และพระครูใบฎีกาพันธ์ อาจาโร ในปัจจุบันนี้วิหารหลวงปู่อ่อนได้สร้างขึ้นใหม่เป็นวิหารจัตุรมุข มียอดฟ้าใบระกา ปูพื้นด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่ ประตูหน้าต่างเป็นไม้ มีโรงจอดเรือของหลวงปู่อ่อนอยู่ด้านหลังของวิหาร ติดโคมไฟทั้งข้างใน และรอบวิหาร ปัจจุบันวิหารหลวงปู่อ่อนตั้งอยู่ข้างท่าน้ำทางด้านซ้าย ติดกับต้นโพธิ์ใหญ่ และติดประตูทางเข้าวัด

สวนธรรม
เป็นสวนธรรมชาติเนื้อที่ประมาณ 4-5 ไร่ ซึ่งทางวัดมีโครงการที่จะทกเป็นสวนธรรมไว้สำหรับอบรมสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไปทุกวันหยุด วันเสาร์ – วันอาทิตย์และวันสำคัญต่างๆ พื้นที่อยู่ด้านหลังศาลาบำเพ็ญกุศล ซึ่งร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ และที่สำคัญจะมีการนิมนต์ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานรูปต่างๆมาแสดงธรรมโปรดพุทธศาสนิกชนในทุกเดือนต่อไป

เจดีย์องค์ใหญ่
เป็นเจดีย์ที่สร้างมาพร้อมพระอุโบสถ เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีทองอร่าม สูง 17 เมตร ทางวัดได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสาวกขึ้นประดิษฐานที่เจดีย์องค์ใหญ่ วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เจดีย์นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติจากกรมศิลปากร

โรงเรียน
ปริยัติธรรม
โรงเรียนพระปริยัติธรรม เป็นอาคารเรียน 3 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นห้องประชุมและเป็นที่จัดงานการกุศลต่างๆ ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ทำบุญในวันพระ สืบเนื่องมาจากมีการบูรณปฏิสังขรณ์ศาลาการเปรียญหลังเก่า ชั้นที่ 2 เป็นห้องเรียนและสำนักงานโรงเรียนพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกนักธรรมและบาลี ซึ่งจะจัดให้มีการเรียนการสอนในช่วงเข้าพรรษาของทุกปี ซึ่งมีนักเรียนเป็นพระภิกษุสามเณรภายในวัด และมีพระภิกษุใหม่บวชเข้าพรรษาก็จะได้รับการเรียนแผนกนักธรรม ตั้งแต่นักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก โดยจะมีการสอบในช่วงใกล้ๆจะออกพรรษา ส่วนแผนกบาลี ก็จะเริ่มสอนตั้งแต่ บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-3 ส่วนประโยคสูงๆกว่านี้ ให้ศึกษาเอง หรือไปเรียนกับสำนักเรียนอื่นๆ และชั้นที่ 3 เป็นห้องสมุด พร้อมห้องอบรมวิปัสสนากรรมฐาน หน้าบันทั้ง 3 ด้าน เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ

เรือขุดของ
หลวงปู่อ่อน
เป็นเรือขนาดใหญ่ยาว 9 เมตร กว้าง 1 เมตร อายุกว่า 140 ปี เป็นเรือที่ประชาชนชาวสวนรอบวัดมัชฌนติก าราม สร้างถวายหลวงปู่อ่อน ญาณเตโช อดีตเจ้าอาวาสรูปแรก เพื่อใช้ในการรับบิณฑบาตตามคลองบางเขนใหม่ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ข้างวิหารหลวงปู่อ่อน

หอระฆังสองชั้น
หลังคาเป็นทรงไทย ก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง ชั้น 1 ใช้เป็นที่แขวนกลอง ชั้น 2 ใช้เป็นที่แขวนระฆังเพื่อตีบอกสัญญาณในวันพระและวันสำคัญอื่นๆ ซึ่งหอระฆังดังกล่าวได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ต่อมาได้สร้างหอระฆัง 3 ชั้น หน้าศาลการเปรียญ แต่ก็ได้รื้อไป ปัจจุบันได้สร้างหอระฆัง 3 ชั้น ขึ้นใหม่แต่ตำแหน่งใกล้เคียงกันกับหอระฆัง 2 ชั้น ในอดีต